วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อย่าใจร้อน รถDemo หรือ รถตัวโชว์ เหมือนผม

     

          ฝากเตือนไว้ ถ้าคิดจะซื้อรถ คนส่วนใหญ่ เลือกรถยนต์คันใหม่ หน่ะคิดถูกแล้ว อย่าซื้อรถตัวโชว์ ใน โชว์รูม หรือที่เรียกว่ารถDemo หรือTest drive นะครับ เพราะประกันจะหมดเร็วและทางศูนย์บริการก็อ้างอิงตามวันที่ออกรถ  เหตุเกิดเพราะ ผมออกรถ ที่เชฟโรเล็ตแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครปฐม ผมเอารถยนต์คันเก่าไปขายเพื่อเอาเงินมาดาว์นคันใหม่ คิดว่าไม่น่าจะรับรถนานเกิน 1 เดือน ผ่านมา 45 วัน ก็ยังคงรอ เซลล์แจ้งว่ารถส่งไม่ทันคิวยาว  3 - 4 เดือน เนื่องจากอยู่ในช่วงโครงการรถยนต์คันแรก ผมเลยนึกขึ้นได้ รถ Demo เป็นรุ่น และ สีเดียวกันกับที่ผมต้องการ ก็ตัดสินใจเอารถDemo ละกัน มันคงเหมือนๆ กันเพราะจอดอยู่ในโชว์รูม ไม่ได้ไป Test drive ที่ไหน และทางศูนย์ก็ใจดี ลดราคาให้อีก 3,000 บาท แต่ผมไม่ทราบว่ารถ ออกมาเมื่อไร ทางศูนย์ผู้จัดการและเซลล์แจ้งว่า จะรับผิดชอบให้ครบ 3 ปี หรือ  100,000 กม. ตามปกติ ไม่ต้องเป็นห่วง จะดูแลอย่างดี (ปัจจุบันวิ่งไป 62,000+)
          สุดท้าย ผมได้รถมาใช้งานสมใจ วันเวลาผ่านไป จนเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 58 ผมได้เข้าไปรับบริการเพราะว่ารถยนต์มีปัญหาเรื่องแอร์ มีกลิ่นเหมือนเราอยู่ในตู้เย็น และ วิ่งทางไกล ลมเย็นจะไม่ออก เหมือนเป็นน้ำแข็งเกาะในช่องแอร์ สอบถามเพื่อนๆในคลับที่ขับรถรุ่นเดียวกัน ก็แจ้งว่า รีบเข้าไปเคลม เพราะเป็นกันเยอะ หลายคันแล้ว สามารถเคลมได้ หากยังอยู่ในประกัน
         ผมเข้าไปรับบริการแล้วทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า รถพี่หมดประกันไปตั้งแต่ เดือน ส.ค. 2015 แล้ว ผมก็เอาบัตรที่ผมผ่อนรถงวดแรกให้ดู ผมได้รับรถ 20 ก.พ. 2013 งวดแรกที่ผมผ่อนคือวันที่ 20 มี.ค.2013 จะครบประกัน 3 ปี ก็ ก.พ.2016 รถผมเป็น รถ Demo ตัว Test Drive ทางศูนย์เจ้าหน้าที่แจ้งว่ายึดตามเอกสารในระบบ  ผมเห็นว่าตัวเลขยอดเงินไม่เยอะ ผมก็เลยจ่ายเอง แต่ที่เสียเยอะคือ"ความรู้สึก" ผมผิดเอง ผมพลาดเอง เพราะผมเลือกเอง
         ถ้ารู้ว่า ได้ส่วนลด 3000 บาท กับ แลกกับระยะเวลาการประกันรถยนต์ หายไป 6 เดือน ถ้าย้อนเวลาไปได้ผมคง"รอ"รถยนต์คันใหม่ดีกว่า ที่เอามาเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์ ครับ

        ล่าสุด 27/11/2015 มีเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์โทรมา แจ้งว่า บริษัทตรวจสอบแล้วคุณรับรถ 20/08/2012 ก็เลยถามไปว่าผมรับรถจริงวันที่ 20/02/2013 และ ไฟแนนซ์ก็ให้ผ่อนงวดแรก 20/03/2013 




      ผมนี่ซึ้งใจกับ Chevrolet จริงๆ ขอบคุณมาก ที่ดูแลอย่างดีมาตลอด คงไม่คิดจะรับบริการใดๆกับ Chevrolet อีกแล้ว  ใครเขาจะให้รถมาขับก่อน 6 เดือนแล้วค่อยผ่อนงวดแรกกับไฟแนนซ์ ... ลูกค้ามักเสียเปรียบเสมอ                                        
                     ขอบคุณครับ
กิจจา ชาญธัญกรรม
2 พ.ย.58



วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2558

Bike For Family(ณ ที่โพธาราม)

        วันก่อนได้มีโอกาส ปั่นจักรยานคู่ใจ เลยลองปั่นไปทางถนนเส้นถนนใหญ่จาก ตัวเมืองโพธาราม ไปทางแยกบางแพ ก็รู้สึกว่ารถเยอะและอันตราย ปั่นไปได้ถึงปากทางเข้าวัดวัดพระศรีอารย์ แวะเข้าไปชมโบสถ์ร้อยล้าน เส้นทางร่มรื่น และดูไม่ค่อยมีรถใหญ่ วิ่งผ่านมากนักจึงเก็บภาพสวยๆ มาฝาก เผื่อใครสนใจมีโอกาส ผ่านแวะโพธาราม อยากจะลองปั่นตามเส้นทางก็ไม่ว่ากัน

    จากนั้นก็ได้เดินทางปั่นไปเรื่อยๆตามทาง กลับเข้าทางโพธาราม ลัดเลาะตามถนนสายในไปเรื่อยๆ จนพบศูนย์ธรรมชาติบำบัดรพ.โพธาราม ได้รับบริจาคที่ดิน 38+2 ไร่ จาก คุณลุงละออง ใจภักดี ในช่วงปี 2555 ผอ.รพ.โพธาราม นพ.สุภัค ปิติภากร ร่วมกับ นพ.วัชระ ก้อนแก้ว และทีมจิตอาสา ร่วมกันวางแผน เพื่อพัฒนาพื้นที่สีเขียว ให้เป็นพื้นที่วิถีธรรม ที่สร้างประโยชน์และแก้ปัญหาทางด้านสุขภาพให้แก่ประชาชนชาวโพธาราม ใครสนใจประวัติความเป็นมา <<คลิ๊ก
                ปั่นตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอ สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ ค่ายลูกเสือระดับชาติ ประจำภาคกลาง "ค่ายหลวงบ้านไร่" จุดสำคัญ คือ มีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามรูป

               บริเวณตรงข้ามพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ปลาตัวใหญ่ๆ มากมาย ถ้าเรามีอาหารปลาเราสามารถเพลินเพลินกับการให้อาหารปลา ณ จุดนี้ได้ แถมมีฝูงห่าน เล่นน้ำอยู่ด้วย (เขตนี้ห้ามตกปลานะครับ) ใครสนใจข้อมูล ประวัติค่ายหลวงบ้านไร่ <<คลิ๊ก

หลังจากออกจากค่ายหลวงบ้านไร่ก็เก็บภาพป้ายสถานที่กันซักหน่อย
หลังจากนี้จะเป็นภาพเส้นทางปั่นจาก ค่ายหลวงบ้านไร่ ไปเส้นเลียบคลอง ชมวิว ยามเย็นกันแล้วหล่ะครับ
ซึ่งแน่นอน มีนักปั่นจักรยานมือโปร รวมทั้งผมนักปั่นมือสมัครเล่น มาปั่นกันเพียบเลยครับ










     ภาพที่ถ่ายก็ ใช้ iPhone6 Plus ไม่ได้ใช้ App ตกแต่งภาพใดๆ ครับ เป็นอย่างไรครับ โพธารามบ้านเรา
ใครอยากจะลองปั่นตามเส้นทางดู ก็ไปลุยกันเลยครับ ระยะทางไม่ไกลมาก จากตัวเมืองตลาดโพธารามไป-กลับ ประมาณ 8-10 กม. เท่านั้นครับ
กิจจา ชาญธัญกรรม
8 ก.ย.2558

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เวลานั้นมีค่า

                ด้วยความไม่รู้ ผมติดปัญหาในการเขียน Code หลายต่อหลายครั้ง ผมก็มักจะค้นหาสาเหตุว่ามันติดตรงไหน ซึ่งบางทีผมเสียเวลา 2-3 สัปดาห์ เพื่อแก้ปัญหา ในสิ่งที่ผมไม่เคยเจอ 

               และผมรู้สึกอายที่จะไปถามคนอื่น กลัวเขาจะว่า..อะไรวะแค่นี้ก็ทำไม่ได้  ซึ่งมันเป็นความกลัวที่ผมมโนขึ้นมาเอง จริงๆ อ. ที่ปรึกษา พี่ๆน้องๆ  ที่ช่วยเหลือกันยังมีอีกมาก น้ำใจที่คอยช่วยเหลือแบ่งปัน ผมซาบซึ้งยิ่งนัก 
               ซึ่งผมเองได้ค้นพบว่า การเรียนรู้จากประสบการณ์ตัวเองนั้นใช้เวลาค่อนข้างมาก
                 ในขณะที่ สอบถามปัญหากับผู้ที่รู้แจ้งนั้นใช้เวลาแก้ปํญหา เพียงไม่กี่นาที หรือไม่กี่ชั่วโมงก็สำเร็จได้ เฉกเช่นเดียวกับ การเดินเข้าป่าทึบ มีผู้บุกเบิกสำเร็จรออยู่ที่ยอดเขา เขาต้องเดินฝ่าปัญหาอุปสรรค กว่าจะไปอยู่ตรงนั้นได้ เขาผ่านมาหมดแล้ว เขามองเห็นว่าทางที่เราเดินมันจะมีอุปสรรคขวางหนามอะไรอยู่ตรงหน้า เขาพยายามบอก พยายามชี้แนะ ให้เลี่ยง ให้หลบ เพื่อที่จะก้าวผ่านมันไป(ไม่ต้องมาเสียเวลา เดินไปทางนี้แล้วเจอทางตัน หรือ เดินไปข้างหน้าจะเป็นเหว บางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ เพราะต้องการที่จะค้นหาเส้นทางเดินของตัวเอง) ที่สำคัญที่สุดที่ระหว่างที่ผมเดินตามทางนั้นไป ผมได้มิตรภาพ ดีๆ ระหว่าง ผู้ที่สำเร็จ คอยชี้แนะ น้ำใจของคนที่คอยช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังพบเจอปัญหา ผมไม่มีวันลืม
                ผมเคยเป็น 1 ในคนที่ไม่เชื่อ แต่วันนี้ผมเปลี่ยนความคิดแล้วว่าการเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น นั้นทำให้ผมเอาเวลาที่ผมมีไปทำประโยชน์อย่างอื่น หรือทำภาพรวมของงานให้ประสบความสำเร็จ ใช้เวลาที่น้อยกว่า ซึ่ง เวลาในชีวิตของเรา มี 24 ชั่วโมงเท่ากัน ให้เวลากับงานพอสมควร และควรใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้คุ้มค่านะครับ

"คนเก่งมักเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง  คนฉลาดมักเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น"

ปล. สุดท้ายถ้าหากได้รับคำแนะนำแล้วยังทำไม่ได้ ให้พนมมือแล้วทำแบบในรูปครับ รับรองบุญจะส่งให้เราสุขใจครับ

มันเป็นเรื่องจริงครับ
กิจจา ชาญธัญกรรม
14 ส.ค. 58