ที่ลิ้งค์นี้ครับ http://pantip.com/topic/32697888
แล้วผมรู้สึกว่า สิ่งที่คนตั้งกระทู้คิด และคำตอบที่เข้ามาตอบในกระทู้นี้
ได้ทำให้เราเห็นมุมมองทางความคิดใหม่ๆ
เทคนิค การลงทุน เพื่อให้ทรัพย์สินนั้นมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจครับ
"ผมมองว่ารายได้มากหรือน้อย มันไม่สำคัญครับ
มันสำคัญอยู่ที่ คุณเหลือเก็บต่อเดือน เดือนละเท่าไร"
ยกตัวอย่าง นายA
ทำงานดีมีเงินเดือน 50000 แต่ทำงานในกรุงเทพ ค่าครองชีพสูง
และรายจ่ายส่วนตัวนายA ใช้จ่ายอย่างสุขสบาย กินดีอยู่ดี
แทบทุกมื้อ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่เดือนละ 35000 ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าสังคม ช็อปปิ้ง ท่องเที่ยว และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย นายA เหลือเก็บ 15000 บาท ต่อเดือน
ยกตัวอย่าง นายB
ทำงานในระดับกลางๆ มีเงินเดือน 25000 และรายจ่ายส่วนตัวนายB อยู่ที่ เดือนละ 10000 บาท โชคดีทำงานใกล้บ้าน ผ่อนรถ และอื่นๆ กินใช้อย่างประหยัด
นายB เหลือเงินเก็บเดือนละ 15000 บาท เช่นเดียวกับ นายAที่เงินเดือน 50000 บาท
ลองมาคิดเล่นๆ ถ้าหากออมเงินเดือนละ 15000 บาท
15000*12 = 180,000 บาท ต่อปี
180,000*3 = 540,000 บาท ในระยะเวลาสั้น เพียง 3 ปี คุณออมเงินได้ เกินครึ่งล้าน แล้ว
คุณก็มีเงินทุนที่จะลงทุนหรือทำธุรกิจ ต่อยอด ให้มูลค่ามันเพิ่มขึ้น แล้วแต่เทคนิคและวิธีการของแต่ละคนแล้วครับ
ปล. ถ้าไม่ไหว ก็แนะนำว่าลองออมเท่าที่ไหวและเป็นไปได้ไม่ลำบากจนเกินไปดูครับ
ตัวเลขอาจจะน้อยกว่านี้ แต่ แน่นอน รู้จักกินใช้ เศรษฐกิจพอเพียง
ผมเชื่อว่า ก็ทำได้แต่คงใช้เวลาหลายปีครับ
ตัวแปรสำคัญ ที่ผมกำลังจะพูดถึงคือ "เวลา"
เพราะ "มันไม่สำคัญว่าคุณ อายุเท่าไร
มันสำคัญตรงที่ คุณคิดที่จะเริ่มวางแผนชีวิต และคิดได้ตอนอายุเท่าไร"
ถ้าคุณคิดได้ตอนอายุน้อยๆ คุณจะไม่เหนื่อยมากในบั้นปลายชีวิตครับ
ผมคงไม่ได้เหมารวมว่าทุกคนบนโลก จะเป็นแบบที่ผมคิด
และยังมีอีกหลายคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และ มีอิสระภาพทางการเงินได้เร็ว เพราะต้นทุนชีวิตแต่ละคน ไม่เท่ากันครับ
ซึ่ง เคยลองถามตัวเราเองไหมครับ อายุ 35 เรามีอะไรในชีวิตแล้วบ้าง และตัวเราเดินไปได้ถึงจุดไหนแล้ว
สำหรับตัวผมแล้ว ผมก็ทำเต็มที่ครับ และก็พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ มีครอบครัวน่ารัก ไม่เป็นหนี้ใคร ก็สุขใจแล้วครับ
กิจจา ชาญธัญกรรม
13 ต.ค.57
13 ต.ค.57